แมงปอ
แมลงปอ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Agriocnemis pygmaea Rambur
Agriocnemis femine
femine (Brauer)
วงศ์ : Agrionidae
อันดับ : Odonata

แมลงปอเข็ม Agriocnemis เป็นแมลงปอเข็มที่ตัวเต็มวัยมีปล้องท้องยาวประมาณ 1.6-1.8 เซนติเมตร ส่วนหัว อก และท้องมีลวดลายสีเขียวเหลืองสลับดำ
ส่วนท้องรูปร่างเรียวยาว ตัวผู้มักมีสีสดใสกว่าตัวเมีย แมลงปอเข็ม A.
pygmaea Rambur ส่วนปลายของปล้องท้องมีสีส้ม ในขณะที่ A.
femine femine (Brauer) ตัวผู้ปล้องท้องส่วนปลายและส่วนอกด้านข้างมีสีน้ำเงินแกมเขียว
ตัวเมียมีสีเขียว แมลงปอเข็มเป็นตัวห้ำกินผีเสื้อหนอนห่อใบข้าว
และแมลงศัตรูข้าวอื่น พบทั่วไปในนาข้าว ตั้งแต่เริ่มปลูกจนกระทั่งเก็บเกี่ยว
ตามปรกติจะบินอยู่ตามบริเวณส่วนกลางกอข้าวเพื่อค้นหาเหยื่อ
ขณะผสมพันธุ์สามารถบินเคลื่อนย้ายหนีศัตรูได้

อดีตกาลของแมลงปอ
แมลงปอเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่เกิดขึ้นมาบนโลกก่อนหน้าไดโนเสาร์
และก่อนยุคของผีเสื้อ ฟอสซิลของแมลงปอที่เก่าแก่ที่ขุดพบนั้น
แสดงว่ามันเคยอาศัยอยู่ในยุค Carboniferous หรือประมาณ 300
ล้านปีมาแล้ว
บรรพบุรุษของแมลงปอมีประวัติศาสตร์อันยาวนานควบคู่มากับบรรพบุรุษของแมลงสาบ แสดงว่าแมลงทั้งสองชนิดนี้มีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม
และมีวิวัฒนาการจนสามารถดำรงเผ่าพันธุ์สืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้
จากซากของฟอสซิลที่ขุดพบทำให้สันนิษฐานว่าแมลงปอเคยอยู่ในทะเลมาก่อน
แล้วจึงมีวิวัฒนาการขึ้นมาอาศัยอยู่บนบกและในน้ำจืด แมลงปอในอดีตมีขนาดใหญ่โตมาก
ขนาดความยาวของปีกทั้งสองข้างรวมกัน ยาวประมาณ 29 นิ้ว
เป็นแมลงที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาแมลงของยุคนั้นทั้งหมดที่มนุษย์รู้จัก
หลังจากนั้นแมลงปอได้มีวิวัฒนาการของขนาดและรูปร่าง จนกระทั่งตัวเล็กลงมาเรื่อย ๆ
ปัจจุบันพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดความยาวจากปลายปีกทั้งสองข้างเหลือเพียง 7.5
นิ้ว เท่านั้น ปีกของแมลงปอมีการพัฒนาเรื่อยมาเป็นเวลานับล้านๆปี
เพื่อใช้สำหรับกระโดดและบินไปในอากาศ มีความบางเบาและยืดหยุ่นมากขึ้น
จนกระทั่งกลายเป็นปีกบางใสที่มีเส้นปีกสานกันอยู่เป็นโครงเช่นในปัจจุบัน

ลักษณะ
การที่แมลงปอแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างเลย
เพราะมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว มีจุดเด่น คือ มีส่วนหัวที่กลมโตใหญ่
มีดวงตาขนาดใหญ่ 2 ดวงอยู่ด้านข้าง
ซึ่งประกอบไปด้วยดวงตาขนาดเล็กรูปร่างคล้ายรังผึ้งถึง 30,000 ดวง ทำให้แมลงปอสามารถมองเห็นภาพได้กว้างถึง 360 องศา
ถือเป็นแมลงที่มีประสาทการมองเห็นได้ดีที่สุด โดยในปี ค.ศ.
1585 นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส
ได้สังเกตเห็นถึงความคล้ายกันของส่วนหัวของแมลงปอกับปลาฉลามหัวค้อน โครงสร้างลำตัวของแมลงปอเสมือนเกราะที่ประกอบไปด้วยสารไคติน
ปีกของแมลงปอมีทั้งหมด 2 คู่ ลักษณะบางใส โปร่งแสง
มองเห็นเส้นเลือดแดงต่าง ๆ ที่สานกันเป็น โครงข่าย
และด้านขอบปีกมีสารคล้ายขี้ผึ้งเคลือบอยู่ซึ่งทำให้ปีกของแมลงปอไม่อุ้มน้ำเหมือนใบบอน และกันฝุ่นละอองได้อีกด้วย

วงจรชีวิต
ตัวอ่อนแมลงปอ ที่เรียกว่า
"ตัวโม่ง" อาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำจืดทั่วไป
ลักษณะแตกต่างจากแมลงปอตัวเต็มวัย เพราะแมลงปอตัวเมียวางไข่ในน้ำ หรือตามพืชน้ำ
ตั้งแต่ 500-หลายพันฟอง ตามแต่ละชนิด
ตัวอ่อนแมลงปอจะลอกคราบประมาณ 10-15 ครั้ง จึงเป็นตัวเต็มวัย
กินตัวอ่อนของแมลงน้ำและลูกอ๊อดเป็นอาหาร บางครั้งก็กินพวกเดียวกันเอง
รวมทั้งปลาขนาดเล็ก
ด้วยขากรรไกรขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมาพุ่งจับเหยื่อได้ด้วยเวลาเพียง 20 มิลลิวินาที เมื่อจับเหยื่อได้แล้วจะจีบฉีกเป็นชิ้น
ๆ และกินทั้งเป็น ตัวอ่อนแมลงปอหายใจด้วยอวัยวะที่คล้ายกับปอดที่อยู่บริเวณหาง
ตัวอ่อนแมลงปอเคลื่อนไหวโดยการใช้ขาพายน้ำและการพ้นน้ำออกจากก้นเหมือนไอพ่นเพื่อให้เองตัวพุ่งไปข้างหน้า
ตัวอ่อนแมลงปอใช้ชีวิตนานอยู่ในน้ำนานไม่เท่ากัน แตกต่างกันตามแต่ชนิด
บางชนิดใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ แต่บางชนิดใช้เวลานานหลายปี
จากนั้นจะไต่ตามต้นพืชจากน้ำมาลอกคราบและผึ่งปีกเพื่อจะกลายเป็นตัวเต็มวัย
ด้วยแรงดันในร่างกาย ซึ่งระยะเวลาในการลอกคราบใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อก่อนจะบิน แมลงปอจะสั่นตัวเพื่อสูบฉีดเลือดเข้าสู่ปีก
เพื่อเตรียมพร้อมที่จะบินเป็นครั้งแรกในชีวิต
ขณะที่เปลือกลำตัวเก่าก็จะถูกทิ้งไว้กับต้นพืช แมลงปอมักผึ่งปีกในเวลากลางคืน
รุ่งขึ้นเมื่อปีกแห้งก็สามารถบินได้

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น