ดอร์เม้าส์

 

ดอร์เมาส์

            แอฟริกัน ปิ๊กมี่ ดอร์เมาส์ (African pygmy dormouse) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Graphiurus murinus หรือ ฝรั่งบางคนจะเรียกมันว่ากระรอกจิ๋ว (micro squirrels)
ซึ่งถ้าอยากรู้ข้อมูลของเจ้าตัวจิ๋วนี่ควรใช้คำว่า pygmy dormouse และ micro squirrels จะทำให้หาง่ายขึ้น ตามตำราดอร์เมาส์มีหลากหลายชนิดและพบการกระจายในแหล่งใหญ่ ๆ คือญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป และแอฟริกา แต่ชนิดที่นิยมเลี้ยงคือ African pygmy dormouse จากแถบแอฟริกากลาง ซึ่งมีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาญาติวงพงศา และ Edible Dormouse จากทางยุโรปซึ่งมีชื่อมาจากว่าคนโรมันในสมัยโบราณชอบกิน ดอร์เมาส์มีรูปร่างและลักษณะนิสัยคล้ายไปทางกระรอกมากว่าหนู ขนาดตัวของมันยาวประมาณ 3-4 นิ้ว และมีหางฟูยาวเท่า ๆ กับตัว น้ำหนักของมันน่าจะประมาณ 25-50 กรัม ซึ่งจริง ๆ ก็ควรจะรู้น้ำหนักไว้นิดนึงเผื่อต้องพึ่งพาหมอยามจำเป็น สีขนของดอร์เมาส์จะเป็นสีเทาแบบชินชิล่า (standard grey) และเท่าที่สังเกตจากเจ้าตัวเล็กของผมมันจะเปลี่ยนสีขนเป็นสีแดงทราย (sand red) เมื่อแก่ขึ้น

เลี้ยงไม่ฝืนธรรมชาติ 

                    ดอร์เมาส์เป็นสัตว์สังคม จึงควรเลี้ยงเป็นคู่หรือรวมกันเป็นกลุ่ม ในธรรมชาติอาจจะพบดอร์เมาส์อยู่รวมกันมากถึง 20ตัวในครอบครัวเดียว เมื่อคนนำมาเป็นสัตว์เลี้ยง ดอร์เมาส์ก็เข้ากับคนได้ไม่ยากนัก ค่อนข้างเลี้ยงง่าย จึงเหมาะสำหรับคนไม่มีเวลา ไม่ค่อยอยู่ห้อง หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าดอร์เมาส์มีนิสัยคล้ายชูการ์ไกลเดอร์ แต่จริง ๆ  แล้วสัตว์ทั้งสองชนิดนี้ไม่เหมือนกันเลย โดยเฉพาะนิสัยที่ค่อนข้างขี้ตกใจของดอร์เมาส์ ต่างจากชูการ์ไกลเดอร์ที่เกาะติดคนอยู่ตลอดเวลา

                "คนเลี้ยงหลายคนมักจะทอดทิ้งดอร์เมาส์ของตนเองเมื่อโตขึ้น เนื่องจากพวกมันไม่มีนิสัยออดอ้อนเหมือนสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ ชอบซ่อนตัว ไม่ชอบแสง เคลื่อนไหวรวดเร็ว และระวังตัวสูงเพราะเป็นเหยื่อของสัตว์ใหญ่ตามธรรมชาติ ทำให้มันค่อนข้างตื่นง่าย ชอบซุกซ่อน และกลัวสิ่งที่เคลื่อนไหววูบวาบ" ถ้าผู้เลี้ยงเข้าใจพฤติกรรมตามธรรมชาติของพวกมันให้ดี และให้เวลากับมันเพียงพอ มีความสุขที่ได้จับเล่น ลูบคลำเจ้ากระรอกจิ๋วตัวอ้วน ได้จัดมุมของเล่นในตู้ และนั่งดูมันแสดงกายกรรมอย่างคล่องแคล่ว วิ่งเล่นปีนป่าย หรือนั่งแทะอาหาร ก็จะช่วยลดปัญหาการทิ้งขว้างสัตว์ จากอาการเริ่มเบื่อหน่ายได้ ส่วนใหญ่คนที่ต้องการเลี้ยงจะนึกว่าดอร์เมาส์นั้นเหมือนหนูแฮมเตอร์ที่อาศัยอยู่ในกรงได้ แต่เจ้าดอร์เมาส์นี้เป็นสัตว์ที่ชอบผจญภัย ชอบมุด และปีนป่าย จึงไม่นิยมเลี้ยงในกรงที่มีลักษณะเป็นซี่ลวด

       “คนส่วนใหญ่จะเลี้ยงในตู้กระจกสำหรับใช้เลี้ยงปลา ขนาดกว้าง20นิ้ว ปิดด้วยตะแกรงขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับเลี้ยง 2 ตัว แต่จะมีข้อเสียคือ ทำความสะอาดยาก และมีน้ำหนักมากแต่สำหรับตัวผมเองจะเพาะดอร์เมาส์ในตะกร้าสุนัขแบบพกพา ซึ่งทำความสะอาดง่าย มีน้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดี ควรปูพื้นด้วยขี้เลื่อยหนาประมาณ1-2นิ้ว อาจใช้เป็นบ้านไม้หรือบ้านดินเผาสำหรับทำเป็นรังนอน สำหรับถ้วยอาหารจะใช้แบบเซรามิกมีแบบแห้งและแบบเปียก เสริมด้วยขวดน้ำแบบสุญญากาศ

          คนเลี้ยงอาจมีการตกแต่งสถานที่เลี้ยงเพื่อเลียนแบบธรรมชาติให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางกิ่งไม้ ผูกเชือกให้สัตว์ได้ปีนป่าย และมีของเล่นไม้ต่าง ๆ แต่ที่สำคัญอย่างที่กล่าวไว้ในข้างต้นว่าไม่แนะนำให้เลี้ยงในห้องปรับอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 24 องศาเซลเซียส ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่านี้ดอร์เมาส์จะเริ่มนอนจำศีล ซึ่งเป็นอันตรายสำหรับสัตว์ เพราะฉะนั้นอุณหภูมิห้องจึงเหมาะกับการเลี้ยงสัตว์ชนิดนี้มากที่สุด ตามธรรมชาติของเจ้าดอร์เมาส์จะกินอาหารหลากหลาย ทั้งเมล็ดพืช ผลไม้ และแมลงต่าง ๆ ดังนั้นอาหารที่เหมาะสมสำหรับดอร์เมาส์ในกรงเลี้ยงนั้นคือ อาหารสำเร็จรูปของหนูแฮมสเตอร์ และเสริมด้วย นม โยเกิร์ต ซีรีแลค ขนมปัง ผักสด จิ้งหรีด และผลไม้ต่าง ๆ ซึ่งถ้วยอาหารนั้นต้องแยกแบบเปียกและแบบแห้ง และต้องเปลี่ยนถ้วยอาหารทุกวัน รวมทั้งเปลี่ยนขี้เลื่อยใหม่ และล้างอุปกรณ์ทุก ๆ สัปดาห์ เพื่อป้องกันกลิ่นเหม็นที่อาจเกิดขึ้นได้

 

การดูแลและอาหารการกิน
อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับเลี้ยงดอร์มาส์ คือ ไม่ต่ำกว่า 70 องศาฟาเรนไฮต์ หรือราว 24 องศาเซลเซียส เนื่องจากในธรรมชาติหากมีอุณหภูมิต่ำลงดอร์เมาส์จะเริ่มนอนจำศีล ซึ่งเป็นอันตรายสำหรับสัตว์ที่อยู่ในกรงเลี้ยงซึ่งไม่มีการสะสมอาหารอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้เลี้ยงเจ้าจิ๋วไว้ในห้องแอร์ และถึงแม้เสียงจะไม่ดังแต่กลิ่นของเสียก็ค่อนข้างแรงเช่นเดียวกับหนูทั่ว ๆ ไป (เหม็นกว่าเจอบิว แต่ไม่เท่าแฮมเตอร์และแกสบี้)

ตามตำราเค้าว่าในธรรมชาติดอร์เมาส์กินอาหารหลากหลายมาก ทั้งพวกเมล็ดพืช ลูกไม้ ถั่ว ไข่นก และแมลง ดังนั้นอาหารที่เหมาะสมสำหรับดอร์เมาส์ในกรงเลี้ยง คืออาหารสำเร็จรูปสำหรับแฮมเตอร์ ผสมด้วยเมล็ดพืชต่าง ๆ เป็นหลัก และเสริมด้วยแหล่งโปรตีนพิเศษ แต่ที่เลี้ยงอยู่ ผมผสมอาหารเองด้วยวัตถุดิบหลายอย่าง เช่น อาหารเม็ดแฮมเตอร์ อาหารเม็ดแกสบี้ อาหารแมวไขมันต่ำ กระดองปลาหมึกตำหยาบ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง ลูกเกด ข้าวฟ่าง ข้าวสาร อาหารหมูอ่อน และอาหารไข่แห้ง แล้วเสริมด้วยนมอัดเม็ด โยเกิร์ต น้ำผสมไม้ ผสมไม้สด ซีลีแล็ค ขนมหมากลิ่นไก่ โยเกิร์ต ซีลีแล๊ค นมอัดเม็ด ผลไม้สุก ผักสด ขนมปัง และไม่ต้องกลัวว่าจะไม่กินเพราะมันซัดทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่ปากเป็ดท้อง และแกนแอปเปิ้ล ยกเว้นอันที่ไม่ชอบจริง ๆ ก็ดม ๆ แล้วเมินไปซะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เนื้อทราย