ปูราชินี
ปูราชินี
ปูราชินี
ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ พ.ศ.2535 มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Thaiphusa
sirikit (Naiyanetr, 1992) และมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Regal
Grab ปัจจุบันปูราชินีจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่หายากในสภาพธรรมชาติ
ในบรรดาปูน้ำจืดทุกชนิด “ปูราชินี”
จัดว่าเป็นปูน้ำจืดประเภทปูป่าที่มีสีสันสวยงามที่สุด โดยจะมีสีสันมากถึง 3
สี คือ ขาเป็นสีแดง ตรงโคนขา ก้ามหนีบ และบริเวณขอบกระดองเป็นสีขาว
ตรงกลางกระดองเป็นสีน้ำเงิน ดูแล้วคล้ายกับธงชาติไทย
ชาวบ้านจึงมักจะเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “ปูสามสี”

ถิ่นที่พบ
จากการสอบถามชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในตำบลห้วยเขย่ง
อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี พบว่า
ปูราชินีชอบอาศัยอยู่ตามริมลำห้วยและในพื้นที่ปู ได้แก่ บริเวณห้วยพัสดุกลาง (บ้านพัสดุกลาง) ห้วยปากคอก
ท่ามะเดื่อ และปูราชินี (ออป.) โดยเฉพาะปูราชินีจะพบมากกว่าที่อื่น
ปูราชินีที่พบมักจะมีความหลากหลายของสี คือ กลุ่มที่มีขาสีส้มสด
และกลุ่มที่มีสีขาเป็นสีขาว
โดยปกติปูราชินีจะออกจากรูมาเดินให้เห็นเต็มไปหมดในช่วงที่มีฝนตกหนักๆ
ซึ่งบางครั้งสามารถจับได้เป็นกาละมังเลยทีเดียว
แต่ถ้าฝนฟ้าครึ้มก็จะพบอยู่แค่ปากรู รูปูราชินีจะเป็นรูที่ดิ่งตรงลงไป
แล้วหักเป็นแนวระนาบยาวออกไป ความลึกของรูขึ้นอยู่กับความลึกของน้ำใต้ดิน
ในหน้าแล้งปูจะเอาดินมาพอกที่ปากรูให้สูงขึ้นเพื่อกันน้ำเข้า และปิดปากรูด้านบน
ชาวบ้านยังบอกอีกว่าปูราชินีน่าจะออกลูกปีละครั้ง
โดยจะเห็นปูราชินีเริ่มมีไข่และออกลูกประมาณปลายเดือนกันยายน
บ้านหลังน้อย ๆ ของปูราชินี
เมื่อสังเกตการกระจายของรูปูที่ปูราชินี
พบว่า มีการกระจายแบบไม่สม่ำเสมอ โดยจะรวมกันอยู่เป็นกระจุกๆ
ตามโคนต้นไม้หรือพื้นที่โล่งๆ สภาพทั่วไปของปูราชินีบริเวณที่ปูขุดรูอาศัยอยู่จะร่มรื่น
มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุม ปริมาณแสงส่องถึงพื้นน้อยมาก ไม้ชั้นกลางมีมากแต่ไม่แน่นทึบ
พื้นดินล่างมีเศษใบไม้ปกคลุมทั่วไป ไม้พื้นล่างและกล้าไม้มีน้อย

ลักษณะรูปูราชินีที่พบจะมีอยู่ 3 แบบ ดังนี้
1. เป็นกองมูลดิน และมีดินปิดปากรู
กองมูลดินจะมีความสูง 8-15 เซนติเมตร
เส้นผ่าศูนย์กลางของกองมูลดิน จะอยู่ในช่วง 15-20 เซนติเมตร
รูลักษณะนี้จะพบน้อย ประมาณร้อยละ 15 ของรูที่พบทั้งหมด
2. เป็นกองมูลดิน
แต่ไม่มีดินปิดปากรู กองมูลดินจะมีความสูง 6-10 เซนติเมตร
เส้นผ่าศูนย์กลางของกองมูลดิน 14-17 เซนติเมตร
เส้นผ่าศูนย์กลางของปากรู 1.8-4.2 เซนติเมตร
รูลักษณะนี้จะพบมากกว่าแบบแรก ประมาณร้อยละ 35 ของรูที่พบทั้งหมด
3. เป็นรูแบบเปิด
ไม่มีกองมูลดินและไม่มีดินปิดปากรู เส้นผ่าศูนย์กลางของปากรู 1.5-4.8 เซนติเมตร รูลักษณะนี้จะพบมากที่สุดประมาณร้อยละ 50 ของรูที่พบ
รูลักษณะนี้ รอบ ๆ ปากรูจะสะอาด ในรัศมีจากขอบปากรู 2-3 เซนติเมตร
จะไม่มีเศษใบไม้กิ่งไม้อยู่เลย

พฤติกรรม
จากการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมปูราชินี
พบว่า ปูราชินีมีพฤติกรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น พฤติกรรมการกินอาหารซึ่งปูราชินีสามารถกินอาหารได้หลายชนิดทั้งเศษซากพืชซากสัตว์
และสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก เช่น หอย, เนื้อปลา, ไส้เดือน, จิ้งเหลน,
ปูตัวเล็ก, อาหารแมว และข้าวสุก
โดยปูราชินีสามารถกินอาหารได้ทั้งในน้ำและบนบก
นอกจากนี้ยังพบว่าปูนำอาหารลงไปกินในรูอีกด้วย โดยส่วนใหญ่ปูจะออกมาหาอาหารเมื่อมีฝนตก
สำหรับการขุดรูนั้นปูราชินีจะใช้ก้ามและปลายเล็บเท้าข้างใดข้างหนึ่งจิกลงดินแล้วโกยเข้าหาตัว
ดินจะเป็นขุย แล้วปูจะใช้ก้ามและขาคู่ที่ 1 หนีบดินเข้าหาตัวแล้วเดินขึ้นมาบนปากรูแล้วใช้ก้ามดันดินออกไปวางไว้รอบ ๆ
รู ในบางครั้งอาจเห็นการต่อสู้เพื่อแย่งรูกันเกิดขึ้น
โดยปูที่แข็งแรงกว่าจะใช้ก้ามหนีบตัวปูที่อยู่ในรูออกมา
หากปูเจ้าของรูสามารถต่อสู้ได้ก็จะได้ครอบครองรูต่อไป แต่หากว่าแพ้ก็ต้องสละรูนั้นให้กับผู้ชนะ
ส่วนการตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ พบว่าปูจะวิ่งลงรูทันทีแม้ว่าจะไม่ใช่รูของตนก็ตาม
จากนั้นประมาณ 15 นาทีก็จะออกมาจากรู สิ่งเร้าที่ปูตอบสนองน้อยที่สุด ก็คือ แสงไฟ
เมื่อเทียบกับเสียงเดินและเสียงพูดคุย

พฤติกรรมน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ
ปูจะพ่นน้ำออกมาบางครั้งเป็นฟองอากาศแต่บางครั้งก็เป็นทางยาว ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 10-20 นาทีหรือมากกว่านั้น
นอกจากนี้ปูราชินียังมีการขับถ่ายโดยจะเปิดจับปิ้งแล้วใช้ก้ามหนีบเอาแท่งอุจจาระออกมา
สำหรับใครที่ยังไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนหรือกำลังมองที่เที่ยวเพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติ
ลองหาโอกาสมาเยือนทองผาภูมิโดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน
เพราะนอกจากจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอันเขียวขจีของผืนป่าทองผาภูมิตะวันตกแล้วยังเป็นโอกาสดีที่จะได้เห็น
“ปูราชินี” ปูน้ำจืดที่สวยและหายากชนิดหนึ่งของเมืองไทย

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น