ปลากา
ปลากา
ปลากาดำ เป็นชื่อของปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Epalzeorhynchos chrysophekadion อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) วงศ์ย่อย Cyprininae - Labeonini มีรูปร่างป้อม
แต่หลังป่องออก ครีบหลังสูง ไม่มีก้านครีบแข็ง มีหนวดค่อนข้างยาว 2
คู่และมีติ่งเล็ก ๆ เป็นชายครุยอยู่รอบบริเวณริมฝีปาก
เกล็ดเล็กมีสีแดงแซมอยู่ในแต่ละเกล็ด ครีบหางเว้าลึก ลำตัวสีดำหรือสีน้ำตาลเข้ม
อันเป็นที่มาของชื่อ ในปลาวัยอ่อนบริเวณโคนหางมีจุดดำเด่น เมื่อโตขึ้นมาจะจางหาย
มีขนาดโตเต็มที่ประมาณ 90 เซนติเมตร
ปลากาดำ
( Morulius chrysophekadion ) เป็นปลาพื้นเมืองของไทย
พบตามแหล่งน้ำธรรมชาติในภาคกลาง มีชุกชุมในลุ่มน้ำแม่กลอง เป็นปลาน้ำจืด
มีเกล็ดสีดำสนิท ลักษณะรูปร่างภายนอกคล้ายปลาตะเพียน
แต่ปลากาดำตัวหนากว่าปลาตะเพียน ตัวโตมีขนาด 5-8 กก.
เป็นปลาที่มีรสชาติดี นิยมบริโภคและเลี้ยงเป็นสวยงาม
จึงได้มีการทดลองค้นคว้าในการผสมเทียมปลากาดำ
เพื่อเพิ่มปริมาณพันธุ์ปลาในแหล่งน้ำธรรมชาติ และส่งเสริมให้มีการเลี้ยง
ปัจจุบันการผสมเทียมปลากาดำประสบผลสำเร็จ
ทำให้มีพันธุ์ปลาปล่อยตามแหล่งน้ำธรรมชาติ และส่งขายตลาดต่างประเทศ เพื่อเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม
การเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลากาดำ
เมื่อรวบรวมพ่อแม่พันธุ์ได้แล้ว นำมาเลี้ยงในบ่อดินขนาด 400 ตรม.ขึ้นไป เป็นปลาที่มีการเจริญเติบโตดี
ถ้าเลี้ยงในพื้นที่บ่อที่มีลักษณะกว้าง ระดับน้ำในบ่อประมาณ 1-1.2 ม. อาหารของปลากาดำได้แก่ สาหร่าย พืชผัก และตะไคร่น้ำ ควรให้อาหารสมทบ
ร้อยละ 1-2 ของน้ำหนักปลาทั้งหมด วันละครั้งทุกวัน
และควรถ่ายน้ำในบ่อเดือนละ 2-3 ครั้ง
โดยระบายน้ำในบ่อออกประมาณครึ่งหนึ่งของน้ำในบ่อ แล้วจึงระบายน้ำใหม่เข้าบ่อ
ในการเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลานั้น อาจเลี้ยงแยกเพศหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าหากมีบ่อพอที่จะเลี้ยงแยกเพศผู้เพศเมียได้ก็ดี เพราะสะดวกในการคัดเลือก และทำให้พ่อแม่พันธุ์ทั้งเพศผู้และเพศเมียมีความสมบูรณ์ทางเพศเต็มที่
การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ปลากาดำ
ปลาเพศผู้บริเวณครีบหูจะสาก ลำตัวยาวเรียวกว่าตัวเมียเล็กน้อย บริเวณท้องไม่อูม ถ้าแตะที่ท้องเบาๆจะมีน้ำเชื้อสีขาวคล้ายน้ำนมไหลออกมา สำหรับแม่พันธุ์นั้น บริเวณครีบหูลื่นไม่สากมือ เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์แล้วท้องแม่พันธุ์จะอูมและบวมเบ่งมีสีแดงอ่อน เมื่อพ่อแม่พันธุ์อายุครบ 1 ปี พ่อพันธุ์จะมีน้ำหนักประมาณ 1 กก. ขนาดความยาวประมาณ 30 ซม. และแม่พันธุ์จะมีน้ำหนักประมาณ 800 กก. ขนาดความยาว 25 ซม.
แต่ถ้าจะให้ได้ลูกปลาที่มีอัตราการรอดตายสูงแล้ว มักจะใช้พ่อแม่พันธุ์ปลากาดำที่มีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป เพราะปริมาณไข่และน้ำเชื้อจะสมบูรณ์กว่าปลาที่มีอายุเพียง 1 ปี เมื่อคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ได้แล้ว นำมาแยกไว้คนละบ่อ
การเพาะฟัก
เตรียมบ่อเพาะฟักโดยใช่บ่อซีเมนต์แขวนเปลผ้าไนล่อนกางไว้ในบ่อขนาดของเปลผ้าประมาณ 1.5 x
2 x 1 ม. โดยผูกเปลผ้าเอาไว้แล้วเติมน้ำในบ่อซีเมนต์ให้มีระดับต่ำกว่าขอบบนของเปลผ้าไนล่อนประมาณ 20 ซม. รวบรวมไข่ที่ผสมแล้วโปรยลงในบ่อเพาะฟักที่มีเปลผ้าไนล่อนรองรับ
มีกระแสน้ำไหลผ่านตลอดเวลา ทิ้งไว้ประมาณ 12-15 ชม.อุณหภูมิที่พอเหมาะในการเพาะฟักไข่ปลากาดำนั้นอยู่ในระหว่าง 25-28 องศาเซลเซียส
ในการเพาะฟักถ้ามีจำนวนเปลปลาไนล่อนในการเพาะฟักมาก ๆ จะดี
เพราะไข่จะได้ไม่แน่นจนเกินไป ซึ่งจะช่วยให้ลูกปลากาดำมีอัตราส่วนรอดมากด้วย การเพาะฟักอีกวิธีหนึ่งก็คือ
การใช้กรวยเพาะฟักโดยเปิดน้ำผ่านเข้าก้นกรวย เพื่อให้ไข่หมุนเวียนตลอดเวลา
หลังจากฟักออกเป็นตัวแล้วประมาณ 10 ชม. จึงย้ายลูกปลาลงในอวนเปลที่มีน้ำพ่นหรือเครื่องช่วยให้อากาศในระยะแรก ลูกปลาจะกินอาหารจากถุงไข่แดง หลังจากนั้นประมาณ 1 วันถุงไขแดงจะยุบ จึงให้อาหารสมทบซึ่งให้อาหารพวกไข่ต้มใช้เฉพาะไข่แดงบดละเอียดละลายน้ำสาดให้ทั่วเปลผ้าไนล่อน หลังจากเลี้ยงด้วยไข่แดงประมาณ 2 วัน จึงใช้รำละเอียดผสมกับน้ำสาดให้ทั่ว เพื่อลูกปลาจะได้ใช้เป็นอาหารต่อไป เมื่อลูกปลาอายุได้ประมาณ 5 วัน จึงนำไปปล่อยในบ่อดินที่เตรียมไว้
ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการเว็บ Fast98 เป็น สล็อตpgแตกง่าย ไม่ผ่านเอเย่นต์ ฝาก-ถอนระบบออโต้ มีแอดมินบริการตลอด 24 ชั่วโมง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น